ในประเทศไทย เมื่อเจ้าของที่ดินหรือผู้ถือโฉนดที่ดิน เช่น น.ส.3, น.ส.3 ก หรือ น.ส.3 ข ถึงแก่กรรม ที่ดินนั้นจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของมรดกของผู้เสียชีวิต ซึ่งต้องเป็นไปตามสิทธิ ตามกฎหมาย หรือตามพินัยกรรม ผู้ที่มีสิทธิรับมรดก ได้แก่ ทายาทตามกฎหมายที่มีสิทธิหรือทายาทโดยธรรมที่รับรองตามกฎหมายไทย ได้แก่ คู่สมรส, บุตร, บิดามารดา, พี่น้อง, ปู่ย่าตายาย, และลุงป้าน้าอา
ทายาทเหล่านี้มีสิทธิได้รับมรดกตามลำดับความสำคัญภายใต้กฎหมาย โดยคู่สมรสที่ยังมีชีวิตถือว่าเป็นทายาทโดยธรรมตามกฎหมายมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งจากมรดกด้วย
บุคคลที่ต้องการอ้างสิทธิ์ในการรับมรดกที่ดินไปขอจดทะเบียนรับโอนมรดกที่ดินที่สำนักงานที่ดินท้องถิ่นที่ตั้งของทรัพย์สินนั้น เอกสารที่ต้องเตรียมการสำหรับการยื่นขอนี้ ได้แก่ โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการใช้ประโยชน์จากที่ดิน บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ยื่นขอ ทะเบียนบ้าน และใบมรณะบัตรของผู้เสียชีวิต ในกรณีที่มีพินัยกรรมต้องนำพินัยกรรมมาเป็นหลักฐานเพิ่มเติม กรณีที่ผู้ยื่นได้มีการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายจำเป็นต้องมีใบสำคัญการสมรสที่ถูกต้องตามกฎหมาย กรณีที่ผู้ปกครองที่อ้างสิทธิ์ในการรับมรดกแทนบุตรจำเป็นต้องมีสูติบัตร หลักฐานการรับรองบุตร หรือเอกสารการรับอุปการะเด็ก ในกรณีที่มีทายาทหลายคนซึ่งบางคนได้เสียชีวิตไปแล้วจะต้องนำใบมรณะบัตรของบุคคลเหล่านั้นมาด้วย
กระบวนการและกรอบระยะเวลาสำหรับการจดทะเบียนมรดกที่สำนักงานที่ดินขึ้นอยู่กับว่าการยื่นคำขอนั้นเป็นการจดทะเบียนที่ต้องการมีการประกาศหรือไม่ สำหรับการยื่นคำขอที่ไม่ต้องมีการประกาศ กระบวนการจะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม สำหรับการยื่นคำขอที่ต้องมีการประกาศ อาทิ การจดทะเบียนมรดกหรือใบรับรอง ต้องมีการประกาศต่อสาธารณะเป็นระยะเวลา 30 วัน หากไม่มีการคัดค้าน สำนักงานที่ดินจะแจ้งให้ผู้ยื่นคำร้องทราบภายในสองวันเพื่อดำเนินการจดทะเบียนต่อไป
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการโอนที่ดินมรดก ค่าธรรมเนียมโดยทั่วไปรวมถึงค่าธรรมเนียมการยื่นขอจดทะเบียนประมาณ 5 บาทต่อแปลง ค่าธรรมเนียมการโอนมรดกคิดเป็น 2 เปอร์เซ็นต์ของราคาที่ประเมินไว้ อย่างไรก็ตาม การโอนระหว่างผู้บุพการีโดยตรง หรือผู้สืบสันดาน หรือระหว่างคู่สมรส จะได้รับการปรับลดอัตราลง 0.5% ทำให้กระบวนการรับมรดกในประเทศไทยมีโครงสร้างและสามารถเข้าถึงได้สำหรับทายาทตามกฎหมาย